สหรัฐเตือนนักกีฬาแข่งโอลิมปิกฤดูหนาว ปักกิ่ง ใช้มือถือแบบใช้แล้วทิ้ง หวั่นโดนล้วงข้อมูล

สหรัฐเตือนนักกีฬาแข่งโอลิมปิกฤดูหนาว ปักกิ่ง ใช้มือถือแบบใช้แล้วทิ้ง หวั่นโดนล้วงข้อมูล

นักกีฬาสหรัฐที่จะเข้าร่วมการแข่งขัน โอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ปักกิ่ง นั้น ได้รับคำเตือนว่าให้ใช้งานมือถือที่สามารถทิ้งได้ หรือใช้แล้วทิ้ง (burner phones) เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2565 ได้มีการรายงานถึงการแข่งขัน โอลิมปิกฤดูหนาว ปี 2022 ณ เมือง ปักกิ่ง โดยเป็นการแจ้งเตือนจากคณะกรรมการโอลิมปิก และพาราลิมปิกของสหรัฐอเมริกา ถึงนักกีฬาสหรัฐที่จะเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ว่าให้มีการใช้งานมือถือ หรือสมาร์ทโฟนที่สามารถทิ้งได้ หรือใช้งานแล้วทิ้ง (burner phones)

จากการรายงานของ Wall Street Journal การแจ้งเตือนดังกล่าวนั้น 

มาจากความกังวลถึงการเฝ้าระวัง-ติดตาม-ลวงข้อมูล และการติดตั้งซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตราย ในขณะที่พัก และทำการแข่งขันในประเทศจีน โดยการแจ้งเตือนดังกล่าวนั้น ได้มีการประกาศไปแล้วถึง 2 ครั้งด้วยกัน ซึ่งมีเนื้อความว่า “ทุกอุปกรณ์, การสื่อสาร, การแลกเปลี่ยน และกิจกรรมออนไลน์อาจจะถูกตรวจสอบ หรือเฝ้าดู” “อุปกรณ์ต่าง ๆ ของคุณนั้นอาจจะถูกติดตั้ง หรือมีการเปลี่ยนแปลงด้วยซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตราย ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบในทางที่ไม่ดีต่อการใช้งานในอนาคตได้”

ซึ่งนอกเหนือจากสหรัฐอเมริกาแล้วนั้น WSJ ได้รายงานว่า ประเทศอื่น ๆ ที่มีการส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน เช่น สหราชอาณาจักร, แคนาดา และเนเธอร์แลนด์ ก็ได้แจ้งเตือนให้นักกีฬาประจำชาติของตนว่า ห้ามนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนตัวไปใช้งานในประเทศจีนด้วยเช่นกัน

ความกังวลของ คกก. โอลิมปิก และพาราลิมปิกของสหรัฐอเมริกานั้น ก็มาจากข่าวเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ที่ได้มีการรายงานถึงค้นพบ Spyware ที่ถูกติดตั้งโดยทางการจีนบนมือถือของนักท่องเที่ยวจากมณฑลซินเจียง (2019) ซึ่งก็ถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีการเฝ้าระวัง-ติดตามอย่างหนาแน่น

รวมไปถึงล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว (2020) กลุ่มวิจัยทางเทคโนโลยี – Citizen Lab ได้ค้นพบว่าแอปพลิเคชัน My2022 Olympic ที่ทางการจีนต้องการให้ผู้เข้าร่วมงานแข่งขันทำการติดตั้งนั้น เต็มไปด้วยช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ที่สามารถนำไปสู่การโจมตีความเป็นส่วนตัว, การแอบติดตาม-เฝ้าระวัง และการแฮ็คข้อมูลได้

ถึงกระนั้นความกังวลในการโจมตีทางไซเบอร์นั้น ก็ไม่ใช่ปัญหาเดียวเท่านั้น การใช้งานอินเตอร์เน็ตที่มีข้อจำกัดเป็นอย่างมากภายในประเทศจีน ก็ถือว่าเป็นปัญหาหลักอีกอย่างที่นักข่าวที่ทำการรายงานข่าว และนักกีฬาต่างชาติที่เข้าร่วมการแข่งขันจะต้องเจอ ถึงแม้ว่าทางการจีนจะให้คำสัญญาว่าจะมีการเปิดการเข้าถึงให้แก่กลุ่มคนดังกล่าว แต่ก็มีการรายงานที่แย้งมาว่าจีนยังคงปิดกั้นการเข้าถึงบางส่วนอยู่ดี โดยเว็บไซต์ที่ได้รับผลนั้นก็ได้แก่ BBC China, เว็บไซต์ข่าวจากฮ่องกง รวมถึงเว็บไซต์ขององค์กรสิทธิมนุษยชน เป็นต้น หรือเรียกได้ว่าเว็บไซต์ที่ไม่ตรงกับความประสงค์ของทางการจีนก็ว่าได้

YouTube Premium ขึ้นราคา Family สำหรับผู้ชำระผ่าน Apple เป็น 399 บาท

YouTube Premium ประกาศแจ้งถึงการขึ้นราคา Family Plan เป็น 399 บาท/เดือน โดยเป็นราคาสำหรับผู้ที่ดำเนินการชำระค่าบริการผ่านทาง shoppingmode Apple เท่านั้น เมื่อวานนี้ (24 ม.ค. 2565) Youtube ทำการประกาศแจ้งให้ผู้ใช้งานบริการ Premium ให้ได้ทราบถึงการขึ้นราคา Family Plan เป็นราคา 399 บาท/เดือน โดยเป็นการขึ้นราคาสำหรับการชำระค่าบริการผ่าน หรือสมัครใช้บริการผ่านทาง shoppingmode Apple เท่านั้น

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริการ Premium นั้น เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากผู้ใช้งานแพลตฟอร์มนั้นต่างยินดีที่จะเสียเงินค่าบริการเพื่อรับสิทธิประโยชน์มากขึ้น พร้อมเลี่ยงการรับชมโฆษณาคั่นระหว่างวิดีโอ ทำให้การขึ้นค่าบริการนั้นย่อมเกิดขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้

โดยก่อนหน้านี้ Youtube ได้ทำการขึ้นราคาของแผนบริการแบบ Family บนช่องทางชำระอื่น ๆ นอกเหนือจาก Apple ไปแล้ว จาก 219 บาท เป็น 299 บาท/เดือน ดังนั้นแล้วการเพิ่มราคาบนช่อง Apple นั้น ก็ถือว่าเป็นการขึ้นเพื่อให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันกับทุกช่องทาง

ซึ่งราคาใหม่นั้น จะเริ่มคิดตั้งแต่รอบค่าบริการในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 (สำหรับผู้ใช้งานเดิม) และวันที่ 24 มกราคม 2565 (สำหรับผู้ใช้งานรายใหม่)

หากผู้ที่ประสงค์ต้องการเลี่ยงการจ่ายค่าบริการที่มากขึ้นนั้น ก็สามารถย้ายช่องทางได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

“การปรับราคาการเป็นสมาชิกในไทย: ตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม 2022 เป็นต้นไป แพ็กเกจ YouTube Premium สำหรับครอบครัวในไทยจะเพิ่มเป็น ฿399/เดือนสำหรับผู้ใช้ที่เรียกเก็บเงินโดย Apple สมาชิกปัจจุบันจะเห็นราคารายเดือนที่ปรับใหม่ในใบแจ้งยอดการเรียกเก็บเงินรอบถัดไปตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022 การเป็นสมาชิกแพ็กเกจสำหรับครอบครัวจะมีบัญชีส่วนตัวให้ใช้งานได้สูงสุด 6 บัญชีภายใต้แพ็กเกจเดียว ”  Youtube กล่าว

การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกทุกครั้งที่ผ่านมา ผู้คนมักจะทวีตข้อความแสดงความคิดเห็นทั้งที่อาจจะไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับกีฬาประเภทนั้นเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้ทวิตเตอร์ทำตัวช่วยใหม่ที่จะเปลี่ยนให้แฟนกีฬาทุกคนสามารถกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญได้จริงๆ ด้วย #ExpertEngine ของทวิตเตอร์

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป